ประวัติศาสตร์ยารากับประเทศไทย
ยารา ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมากว่า 40 ปี ส่งมอบแนวทางแก้ปัญหาด้านธาตุอาหารพืชอย่างยั่งยืน ในขณะเดียวกันเรายังเป็นตราสินค้าชั้นนำในหลายกลุ่มพืชและช่วยเหลือเกษตรกรเพิ่มผลผลิตและรายได้ บุคลากรมืออาชีพของเรามีความมุ่งหวังที่จะสร้าง ยารา ประเทศไทย ให้เป็นหนึ่งในองค์กรที่ดีน่าทำงานด้วย ทั้งกับพนักงานของเรา ลูกค้า และโครงการพัฒนาเกษตรกร การดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรมและความปลอดภัยเป็นหัวใจหลักของเราเสมอมา
พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสเยือนประเทศนอร์เวย์
เป็นเวลากว่า 120 ปีที่ผ่านมา ที่ยาราได้มีโอกาสสนองพระมหากรุณาธิคุณและได้มีโอกาสรับใช้แผ่นดินไทยเป็นครั้งแรก ในวาระที่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้เสด็จประพาสเยือนโรงงาน และบริษัทยาราสำนักงานใหญ่ ในประเทศนอร์เวย์ ในปี พ.ศ. 2450 (ค.ศ. 1907) ครั้งนั้น พระองค์มีพระราชดำริให้นำปุ๋ยแคลเซียมไนเตรต จำนวน 1,000 กิโลกรัม กลับมายังประเทศไทยด้วย
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี เสด็จประพาสเยือนประเทศนอร์เวย์
และในปี พ.ศ. 2553 (ค.ศ. 2010) พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ได้เสด็จประเทศนอร์เวย์และบริษัท ยารา สำนักงานใหญ่ ณ กรุงออสโลอีกครั้ง เพื่อตามรอยพระราชดำเนินของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ประวัติศาสตร์ครั้งนี้ นำความภาคภูมิที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความจงรักภักดี มาสู่ผู้บริหารและพนักงานบริษัทยาราอย่างหาที่สุดมิได้
ประวัติศาสตร์ยารา
ความใฝ่รู้และความทะเยอทะยานเป็นหัวใจสำคัญของเรื่องราวของ Yara มาโดยตลอด นับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 1905 เราได้เปลี่ยนความท้าทายให้กลายเป็นโอกาส สร้างการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรม และสร้างผลกระทบที่ยั่งยืนต่อโลก นี่คือภาพรวมของเส้นทางที่ผ่านมา และวิธีที่เรากำลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในวันนี้
2024
โรงงานผลิตไฮโดรเจนหมุนเวียนแห่งใหม่
โรงงานผลิตไฮโดรเจนหมุนเวียนขนาด 24 เมกะวัตต์แห่งใหม่ของเราในประเทศนอร์เวย์ ถือเป็นก้าวสำคัญในการลดคาร์บอนในอุตสาหกรรมอาหาร การขนส่งทางเรือ และอุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานสูง
ความร่วมมือกับ PepsiCo Europe
เราได้ร่วมมือกับ PepsiCo Europe เพื่อจัดหาปุ๋ยที่ปล่อยคาร์บอนต่ำและเครื่องมือเกษตรแม่นยำให้กับเกษตรกร 1,000 ราย ครอบคลุมพื้นที่กว่า 128,000 เฮกตาร์
ท่าเรือแอมโมเนียแห่งใหม่
ท่าเรือแอมโมเนียแห่งใหม่ของเราในเมืองบรุนส์บึทเทล ประเทศเยอรมนี สามารถรองรับการนำเข้าแอมโมเนียที่ปล่อยคาร์บอนต่ำได้ถึง 3 ล้านตันต่อปี
การถ่ายโอนแอมโมเนียระหว่างเรือเป็นครั้งแรกของโลก
Yara Clean Ammonia ได้ดำเนินการถ่ายโอนแอมโมเนียระหว่างเรือเป็นครั้งแรกของโลก ซึ่งเป็นการกำหนดมาตรฐานใหม่ด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการจัดการแอมโมเนีย
2022 - 2023
Yara Eyde
ร่วมมือกับบริษัท North Sea Container Line เปิดตัวเรือบรรทุกสินค้าพลังงานแอมโมเนียลำแรกของโลก ซึ่งจะเริ่มเดินเรือระหว่างนอร์เวย์และเยอรมนีในปี 2026
การลงทุนในเทคโนโลยีดักจับและกักเก็บคาร์บอน (CCS) ที่ Sluiskil
ลงนามข้อตกลงผูกพันกับโครงการ Northern Lights สำหรับการขนส่งและกักเก็บ CO₂ ข้ามพรมแดนเป็นครั้งแรก โดยสามารถดักจับ CO₂ ได้ถึง 800,000 ตันต่อปี และกักเก็บไว้ใต้ทะเลนอร์เวย์ลึก 2.6 กิโลเมตร
ความร่วมมือกับ John Deere
ผสานความเชี่ยวชาญด้านเกษตรกรรมของ Yara เข้ากับเทคโนโลยีความแม่นยำของ John Deere เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ปุ๋ย
โรงงานผลิตแอมโมเนียคาร์บอนต่ำในสหรัฐอเมริกา
ประกาศแผนการประเมินการสร้างโรงงานผลิตแอมโมเนียคาร์บอนต่ำขนาดใหญ่ถึงสองแห่ง โดยสามารถดักจับ CO₂ ได้สูงสุดถึง 95% เพื่อการกักเก็บถาวร
พิธีตั้งชื่อเรือ Yara Birkeland
เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2022 เราได้จัดพิธีตั้งชื่อเรือบรรทุกสินค้าพลังงานไฟฟ้าอัตโนมัติลำแรกของโลก โดยมีนักเรียนท้องถิ่น 500 คนและมกุฎราชกาภิเษกเจ้าชายฮาโคนเข้าร่วม
2021
การก่อตั้ง Yara Clean Ammonia
Yara Clean Ammonia ก่อตั้งขึ้นเพื่อเร่งการเปลี่ยนผ่านไปสู่โซลูชันแอมโมเนียที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ
เป้าหมายองค์กรใหม่
เราได้ประกาศพันธกิจใหม่ในการ “สร้างอนาคตอาหารที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติ” โดยมุ่งเน้นไปที่การผลิตอาหารอย่างยั่งยืน
การเข้าซื้อกิจการ Ecolan Oy
การเข้าซื้อกิจการ Ecolan Oy ผู้ผลิตปุ๋ยอินทรีย์จากฟินแลนด์ เป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของเราในการส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน และการเข้าสู่ตลาดปุ๋ยอินทรีย์
2020
สนับสนุนเกษตรกรในช่วงโควิด-19
ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 เราได้บริจาคปุ๋ยคุณภาพสูงจำนวน 40,000 ตัน เพื่อช่วยให้เกษตรกรในแอฟริกาตะวันออกเพิ่มผลผลิตข้าวโพดได้ถึงสามเท่า
เป็นครั้งแรกที่เราติดตามการกระจายปุ๋ยแบบดิจิทัลตั้งแต่ท่าเรือจนถึงฟาร์ม วางรากฐานสำหรับห่วงโซ่อุปทานที่ปลอดภัยในระดับภูมิภาค
2017 - 2019
ปรับกลยุทธ์องค์กรให้ชัดเจนยิ่งขึ้น (ปี 2018)
ในปี 2018 เราได้มุ่งเน้นไปที่การรับมือกับความท้าทายระดับโลก โดยประกาศพันธกิจใหม่ว่า “เลี้ยงดูโลกอย่างมีความรับผิดชอบ และปกป้องโลกใบนี้”
การเข้าซื้อกิจการ Vale Cubatão Fertilizantes (ปี 2017)
ในปี 2017 เราได้เสริมความแข็งแกร่งในภูมิภาคลาตินอเมริกา ด้วยการเข้าซื้อกิจการ Vale Cubatão Fertilizantes ในประเทศบราซิล
Yara Birkeland (ปี 2017)
ในปีเดียวกัน เราได้ร่วมมือกับบริษัท Kongsberg เพื่อเริ่มพัฒนาเรือบรรทุกสินค้าพลังงานไฟฟ้าอัตโนมัติลำแรกของโลก ซึ่งช่วยลดการเดินทางของรถบรรทุกดีเซลได้ถึง 40,000 เที่ยวต่อปี
2008 - 2016
การเข้าซื้อโรงงานผลิตยูเรีย Babrala ของ Tata Chemicals (ปี 2016)
ในปี 2016 เราได้ขยายธุรกิจในประเทศอินเดียด้วยการเข้าซื้อโรงงาน Babrala ของ Tata Chemicals พร้อมกับการลงทุนในโรงงาน Rio Grande ประเทศบราซิล
การเปลี่ยนผู้นำองค์กร (ปี 2015)
ในปี 2015 คุณ Svein Tore Holsether ได้เข้ารับตำแหน่งประธานและซีอีโอของ Yara
นวัตกรรมที่ได้รับรางวัล (ปี 2008)
ในปี 2008 เราได้รับรางวัล “Glassbjørnen” (หมีแก้ว) อันทรงเกียรติของประเทศนอร์เวย์ สำหรับตัวเร่งปฏิกิริยาลดการปล่อยก๊าซไนตรัสออกไซด์ ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากอุตสาหกรรมได้อย่างมีนัยสำคัญ
2000 - 2007
การเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปี (ปี 2005)
ในปี 2005 เราเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีแห่งนวัตกรรม พร้อมกับการปรับกลยุทธ์ใหม่ที่มุ่งเน้นความยั่งยืนในอุตสาหกรรมปุ๋ย
การจดทะเบียนเป็นบริษัทอิสระ (ปี 2004)
ในปี 2004 Yara ได้กลายเป็นบริษัทอิสระอย่างเป็นทางการ โดยจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ออสโล หลังจากแยกตัวออกจากบริษัท นอร์สก์ ไฮโดร
1960 - 2000
การเติบโตและการเข้าซื้อกิจการของ Hydro
ภายใต้การนำของ Johan B. Holte ไฮโดร ได้เปลี่ยนไปสู่การผลิตปุ๋ยจากปิโตรเคมี ปรับโครงสร้างองค์กรให้ทันสมัยในปี 1967 และขยายธุรกิจระดับนานาชาติด้วยการร่วมทุน Qafco ในประเทศกาตาร์ในปี 1969
Hydro ได้เสริมความแข็งแกร่งในตลาดยุโรปตะวันตกด้วยการเข้าซื้อกิจการ NSM (1979), Supra AB (1981), Ruhr-Stickstoff AG (1985) และ Cofaz (1986) พร้อมกับการขยายธุรกิจในเอเชียด้วยการเปิดท่าเรือใหม่ในประเทศจีน (1982) และสำนักงานในประเทศซิมบับเว (1983)
ภายในปี 1995 Hydro ได้ดำเนินธุรกิจในทั้ง 5 ทวีป และเสริมความแข็งแกร่งในภูมิภาคลาตินอเมริกาด้วยการเข้าซื้อกิจการ Adubos Trevo ในประเทศบราซิลในปี 2000
1940 - 1960
การขยายตัวหลังสงคราม
แม้จะได้รับความเสียหายจากสงคราม ไฮโดรได้ฟื้นฟูศักยภาพด้านการวิจัย โดยเปิดสถานที่ใหม่ในออสโลและ Herøya ในปี 1946
หลังจากนั้นมีการลงทุนอย่างรวดเร็วและการเติบโตของจำนวนพนักงาน จาก 2,500 คนในปี 1945 เพิ่มเป็น 5,000 คนในปี 1955 โดยในปี 1947 ไฮโดร ได้เข้าถึงพลังงานไฟฟ้าจากน้ำที่ Glomfjord และเริ่มผลิตแอมโมเนีย ซึ่งนำไปสู่การก่อตั้งโรงงานผลิตปุ๋ยที่ตั้งอยู่เหนือสุดของโลกภายในปี 1955
1905 - 1940
นวัตกรรมท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจ
ในปี 1938 Hydro เริ่มผลิตปุ๋ยสูตร NPK อย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในเทคโนโลยีการผลิตปุ๋ย และในช่วงปี 1927–1928 ไฮโดร ได้เพิ่มกำลังการผลิตแอมโมเนียเป็นสี่เท่าด้วยวิธีการผลิตแบบใหม่
ในปี 1905 บริษัท นอร์สก์ ไฮโดร ก่อตั้งขึ้นโดย แซม ไอเด และ คริสเตียน เบิร์คแลนด์ ณ ประเทศนอร์เวย์ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางของเรา และในปี 1919 เราได้จัดตั้งศูนย์วิจัยแห่งแรกที่ Skøyen เมืองออสโล